ปัญหาเรื่องของการเหยียดสีผิวหรือการเหยียดชนชาตินั้นมีมาอย่างเนิ่นนานและเป็นเกือบทุกวงการ โดยเฉพาะวงการกีฬาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ที่มีปัญหาการเหยียดผิวสีเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลที่เห็นได้ชัดก็จะมีการเหยียดผิวนักกีฬาค่อนข้างชัดเจนจนมีประเด็นหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของลิเวอร์พูล เคยพูดคำว่า “นิโกร” ใส่ปาทริซ เอวรา แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสของแมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือด ปี 2011, แฟนบอลโรมาตะโกนด่าเควิน ปรินซ์บัวเต็ง นักเตะเอซี มิลาน ว่า “เผาคนดำให้หมด”
เช่นเดียวกับมาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าชาวอิตาลีเคยโดนแฟนบอลดิฌงล้อเลียนเสียง “อุ อุ อุ” เลียนแบบเสียงลิง สมัยค้าแข้งอยู่กับ นีซ หรือดาเนียล อัลเวส แบ็กขวาชาวแซมบ้าที่เคยโดนแฟนบอลบียาร์เรอัลโยนกล้วยลงมาจากข้างสนาม
นอกจากที่กล่าวมายังมีอีกหลายคดีมากมายในวงการลูกหนังที่นักฟุตบอลที่โดนแฟนบอลหรือแม้ กระทั่งเพื่อนร่วมอาชีพเหยียวสีผิวหรือเหยียดชนชาติ
ซึ่งเรื่องนี้ก็ร้อนระอุกลับมาอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีวัย 46 ปี เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. เนื่องจากถูกดีเร็ก เชาวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวจากเมืองมินนิอาโปลิส ใช้เข่ากดลงไปที่คอนาน 8-9 นาทีจนขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด
ทำให้เกิดการประท้วงทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ “จอร์จ ฟลอยด์” แต่มันไม่หยุดแค่การประท้วงอย่างสันติแต่กลับกลายเป็นเกิดทวีความรุนแรงกลายเป็นการจลาจล และปล้นสะดมในที่สุด
จากกรณีดังกล่าวก็ทำให้มีนักกีฬาทั่วโลกต่างออกมาต่อต้านพร้อมจัดกิจกรรม “แบล็กเอาต์ ทิวส์เดย์” หรือการโพสต์ภาพสีดำสนิทลงบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคาร ไม่ว่าจะเป็นเลอบรอน เจมส์ ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังแห่งวงการบาสเอ็นบีเอ พร้อมเพื่อนร่วมทีมแอลเอ เลเกอร์ส, จาดอน ซานโช, มาร์คัส แรชฟอร์ด 2 ผู้เล่นทีมชาติอังกฤษ, สตีเฟน เคอร์รี นักบาสจากทีมโกลเดน สเตต วอร์ริเออร์ส, สตีเวน เจอร์ราร์ด กุนซือเรนเจอร์ส, ไมเคิล จอร์แดน ตำนานนักบาสเอ็นบีเอ
ขณะเดียวกันสโมสรต่างๆ อาทิ ลีดส์ ยูไนเต็ด, อาแจกซ์ อัมเตอร์สดัม ก็เปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อร่วมกิจกรรมดังกล่าว หรือแม้กระทั่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่บรรดานักเตะทุกคนคุกเข่าข้างเดียวเพื่อต่อต้านการเหยียดผิดจากกรณีดังกล่าว
ทำให้นึกถึงกรณีของโคลิน แคเพอร์นิก อดีตควอเตอร์แบ็กซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้กับคนผิวสีควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยการคุกเข่าหนึ่งข้างในการเปิดเพลงชาติสหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงจุดยืนเพื่อให้คนผิวสีได้รับความยุติธรรม
แต่การกระทำของเขานั้นทำให้เจ้าตัวต้องตกงานและจนถึงปัจจุบันผ่านมา 4 ปีแล้ว แคเพอร์นิก ยังไม่สามารถหาทีมใหม่ลงเล่นได้เลย ทั้งๆที่เขาก็เป็นควอเตอร์แบ็กที่มีฝีมือพอตัวคนหนึ่งในวงการอเมริกันฟุตบอล
ก่อนหน้านี้ วิค ฟานจิโอ เฮดโค้ช เดนเวอร์ บรองโกส์ ยืนยันว่าไม่เคยเห็นการเลือกปฏิบัติในวงการเอ็นเอฟแอล
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับโคลิน แคเพอร์นิกคืออะไร??
ล่าสุด โรเจอร์ กูเดล คอมมิชชันเนอร์ลีกเอ็นเอฟแอล ยอมรับว่าคิดผิดที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้เล่นเอ็นเอฟแอลก่อนหน้านี้ที่ออกมาเรียกร้องเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็น่าจะหมายถึงโคลิน แคเพอร์นิก
เมื่อระดับบิ๊กของเอ็นเอฟแอลออกมายอมรับว่าคิดผิดแล้ว
ก็หางานให้แคเพอร์นิกทำด้วยแล้วกัน!!
มะระหวาน
อ่านเพิ่มเติม...
June 07, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/30iMSNc
ยอมรับผิด - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3gJ5rA0
Home To Blog
No comments:
Post a Comment